หนังแท้ หนังเทียม ต่างกันยังไง?

ถ้าพูดถึงวัสดุที่ใช้ทำกระเป๋า รองเท้า หรือเฟอร์นิเจอร์ หนังแท้และหนังเทียม เป็นอีกตัวเลือกยอดนิยมเลย แต่จริงๆแล้ว วัสดุทั้งสองประเภทนี้ มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันในหลายๆด้าน ทั้งในเรื่องความทนทาน การดูแลรักษา 

เราเลยจะขอสรุปความแตกต่างของหนังแท้กับหนังเทียมให้ดูกัน อ่านโพสต์นี้จบแล้ว ก็อาจจะช่วยให้คุณเปรียบได้ว่าหนังแท้หรือหนังเทียม แบบไหนจะตอบโจทย์คุณได้มากกว่ากัน

1. ที่มาของหนัง

แน่นอนว่าหนังแท้คือ หนัง Genuine Leather Full-Grain Leather, Top-Grain Leather จะทำมาจากหนังสัตว์แท้ๆ เช่นหนังวัว หนังแกะ หรือหนังจระเข้ ส่วนหนังเทียม คือ PU Leather, PVC Leather, Microfiber Leather, Synthetic Leather ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น PU (Polyurethane) หรือ PVC (Polyvinyl Chloride) ซึ่งเลียนแบบผิวสัมผัสของหนังแท้

2. Texture หรือผิวสัมผัส

หลายคนจะคิดว่าหนังแท้ จะต้องมีลวดลายที่เนี้ยบ สวยงามทุกตารางนิ้ว แต่จริงๆแล้วธรรมชาติของหนังแท้ จะมีลวดลายที่เกิดได้ตามธรรมชาติ ทั้งรอยแผล หรือรอยย่นบนหนัง ที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนหนังเทียม จะเป็นลายที่ถูกสร้างขึ้น ก็จะมีความสวยงามและลายบนหนังจะเป็นแพทเทิร์นตรงกันทุกจุด แต่ความเป็นธรรมชาติก็จะน้อยกว่าหนังแท้

3. ความทนทาน

หนังแท้ มีคุณสมบัติเรื่องความทนทานและใช้งานได้นานกว่าหนังเทียม และยิ่งถ้าผ่านการใช้ไปเป็นระยะเวลานานๆ ก็จะทำให้หนังดูคลาสิค เกิดเป็น “Patina” หรือความเงาสวยที่เป็นเอกลักษณ์ตามกาลเวลา และตามการใช้งานของเราด้วย แต่ยังไงก็ตาม หนังเทียม ก็มีความทนทานในระดับหนึ่งเช่นกัน แต่อาจจะเสื่อมสภาพไวกว่าหนังแท้

4. กลิ่น

อย่างที่บอกว่าหนังเทียม ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ ทำให้หนังอาจจะมีกลิ่นพลาสติก หรือสารเคมีที่ใช้ทำหนังมากกว่า ซึ่งอาจจางลงเมื่อใช้งานไปสักระยะส่วนหนังแท้ คือจะมีกลิ่นเครื่องหนัง ที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่า

5. การดูแลรักษา

ด้วยความเป็นธรรมชาติ ทำให้หนังแท้ ต้องได้รับการดูแลรักษามากกว่าหนังเทียม เพื่อรักษาสภาพให้ใช้งานได้ในระยะยาว แต่หนังเทียมเป็นหนังที่ดูแลง่าย ทำความสะอาดก็ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่น หนังแท้จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะ เช่น ครีมไขปลาวาฬ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ ส่วนหนังเทียม สามารถใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย